วัดป่าเหมือด
ข้อมูลทั่วไปของวัดวัดป่าเหมือด
- ชื่อวัด: วัดป่าเหมือด
- ประเภทวัด: วัดราษฎร์/พัทธสีมา
- นิกาย: มหานิกาย
- พระภิกษุ: 2 รูป
- ที่ตั้ง: เลขที่ 118 หมู่ 5 หมู่ 5 บ้านป่าเหมือด ตำบลสำราญราษฎร์ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปษณีย์ 50220
- เนื้อที่: 12 ไร่
- โทร: 0896329273
ประวัติความเป็นมา
วัดป่าเหมือดเป็นวัดที่จัดสร้างขึ้นมานาน วัดป่าเหมือดจึงเป็นที่มาของหมู่บ้านป่าเหมือดด้วย สมัยก่อนเป็นสถานที่ที่มีป่าไม้มากพอสมควร และส่วนมากต้นไม้ที่ขึ้นบริเวณนี้ คือ ต้นไม้เหมือด การตั้งชื่อวัดและหมู่บ้านจึงเริ่มขึ้นโดยการ ใช้นามต้นไม้เหมือดตั้งเป็นนามวัดและหมู่บ้านขึ้นว่า “ วัดป่าเหมือดและหมู่บ้านป่าเหมือด “ ในปี พ.ศ.๒๓o๖ ในการปกครองสมัยก่อนนั้นมีศรัทราประชากร ประมาณ ๕o – ๖o หลังคาเรือน จึงได้สร้างวัดป่าเหมือดขึ้นพร้อมกับหมู่บ้าน คนที่มาอยู่ในหมู่บ้านนั้นจะอยู่เป็นกลุ่ม ๆ มีด้วยกัน ๔ กลุ่มด้วยกัน การตั้งวัดป่าเหมือดและสร้างวัดจึงเริ่มขึ้นเพราะการจะไปทำบุญบำเพ็ญกุศลที่วัดอื่น ๆ ไกลลำบากแก่ผู้สูงอายุ คณะกรรมการหมู่บ้านสมัยนั้นจึงปรึกษาหารือกันสร้างวัดป่าเหมือดขึ้น มีที่ดินเป็นป่าไม้เหมือดอยู่ ๕ ไร่ ๓ งาน ๓๗ ตารางวา จึงพร้อมใจกันสร้างถาวรวัตถุขึ้นในสมัยนั้นเมื่อยังเป็นตำบลป่าสักหลวงอยู่ในโอกาสนั้นศรัทธาญาติโยมจึงได้อาราธนานิมนต์พระคุณเจ้ารูปหนึ่งมาเป็นเจ้าอาวาส คือ พระโพธิยอด หรือครูบาโพธิยอด จากวัดพระนอนปูคา ( พระป้าน ) ตำบลปูคา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ มาดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ. ๒๓o๖ เป็นต้นมา การดำเนินการก่อสร้างบริเวณวัดจึงเริ่มขึ้นมาเป็นลำดับ จนทำให้ศรัทธามีความเคารพนับถือในปฏิปทาของท่านครูบามาก หลังต่อจากนั้นมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองทางบ้านเมือง จึงแบ่งตำบล ป่าสักหลวงออกเป็น ๒ ตำบล ได้นามว่าตำบล แม่คือ อีกตำบลหนึ่งอยู่ห่างจากตำบลป่าสักหลวงไปประมาณ ๑ กิโลเมตรเศษ อยู่ทางทิศตะวันออก ของตำบลป่าสักหลวง หรือปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นตำบลสำราญราษฎร์ การดำเนินการก่อสร้างทุกอย่างของวัดป่าเหมือดเช่น เสนาสนะถาวรวัตถุ วิหาร ศาสาบาตร (เอนกประสงค์) หอพระไตรปิฎกหลังเก่า อุโบสถ เป็นต้น เป็นสิ่งที่ ครูบาโพธิยอดเจ้าอาวาสองค์แรกเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง จนท่านได้ล้มป่วยและได้ถึงแก่มรณภาพลงในปี พ.ศ. ๒๓๗๑ หลังจากนั้นได้มีลำดับเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาสเป็นลำดับมา
จึงเป็นตำนานและประวัติของวัดป่าเหมือด ที่ข้าพเจ้าได้ถามผู้เฒ่าผู้แก่