ข้อมูลทั่วไปของวัดที่พักสงฆ์สงฆ์ดอยตุ๊โก๋
ประวัติความเป็นมา
คำว่า ‘’ตุ๊โก๋ ’’ นั้น ไม่มีที่ทราบแน่ชัดว่า ได้คำนี้มาจากสิ่งใด หรือจะเป็นชื่อพระรูปใด ก็ไม่มีใครทราบและรู้แน่ชัด แต่ทว่า ‘’ ครูบาก่ำ ’’ หรือครูบาอุปละ (อดีตเจ้าอาวาส) ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ได้มาบูรณะที่พักสงฆ์ดอยตุ๊โก๋แห่งนี้ และได้อยู่จำพรรษาตลอดมา แต่ ณ เวลานั้นความศรัทธาของชาวหนองไหวยังมีไม่มากนัก ทั้งมีชาวบ้านพักอาศัยอยู่เพียงไม่เกิน ๑๕ หลังคาเรือน กระนั้นท่านจึงอยากจะสร้างศรัทธาโดยการบูรณะที่พักสงฆ์ดอยตุ๊โก๋ขึ้นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน และเพื่อเป็นที่สักการะบูชาแก่คนในหมู่บ้าน ซึ่งก่อนที่ท่านจะมาบูรณะที่พักสงฆ์แห่งนี้ท่านก็ได้ติดตามครูบาเจ้าศรีวิชัย โดยร่วมสร้างวัดวาอาราม และสร้างทางขึ้นไปยังพระธาตุดอยสุเทพจนแล้วเสร็จมาโดยตลอด ทั้งยังมีหลักฐานที่ร่วมถ่ายรูปกับครูบาเจ้าศรีวิชัยและครูบาท่านอื่นอีกหลายรูปเพื่อเป็นอนุสรณ์ ละต่อมาชื่อครูบาก่ำก็ได้เป็นที่กล่าวขาน จนได้รับกิจนิมนต์จากชาวบ้านทั่วไป จนกระทั่งมาบูรณะที่พักสงฆ์ดอยตุ๊โก๋แห่งนี้ และอนึ่งยังได้รับนิมนต์ให้ไปช่วยสร้างวัดที่อำเภอสะเมิงอยู่เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งท่านมรณภาพลง จนทำให้นับแต่นั้นที่พักสงฆ์ดอยตุ๊โก๋กลายเป็นที่พักสงฆ์ร้างเรื่อยมา
ครั้นเวลาผ่านไปนานเข้า ชาวบ้านที่ผ่านมาหรือมองขึ้นมายังที่พักสงฆ์ดอยตุ๊โก๋ก็มักจะเห็นแสงวูบวาบ ส่องประกายเหมือนมีแสงที่พวยพุ่ง ปรากฏออกมาจากบนยอดดอยตุ๊โก๋ ลักษณะคล้ายแสงพระธาตุ ซึ้งชาวบ้านเมื่อเห็นบ่อยเข้าจึงสังเกตปรากฏการณ์ของแสง และรับรู้ว่าแสงที่พวยพุ่งออกมาจากยอดดอยตุ๊โก๋นั้นจะปรากฏในช่วงวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ และแรม ๑๕ ค่ำเท่านั้น เพราะปรากฏการณ์นี้เองชาวบ้านจึงปรึกษาหารือกันว่าสมควรอย่างยิ่งที่จะบูรณะที่พักสงฆ์แห่งนี้และบูรณะเจดีย์ขึ้น เพื่อเป็นที่สักการบูชาแก่ชาวบ้านและคนรุ่นหลังต่อไป ทั้งที่พักสงฆ์แห่งนี้ได้ตั้งอยู่บนยอดดอยเป็นสง่า มีตนไม้มากจึงเป็นการอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมเพื่อยังคงความชุ่มชื่นเป็นธรรมชาติในแถบชุมชนแห่งนี้และละแวกใกล้เคียง และไม่ให้มีการทำลายป่าไม้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม
เมื่อชาวบ้านตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ร่วมบูรณะเจดีย์และศาลาซึ่งก่อนจะบูรณะนั้น ชาวบ้านและคณะที่ศรัทธาจึงได้นิมนต์ท่านครูบาชุม(เจ้าคณะตำบลสันกลางในสมัยนั้น) ร่วมกับท่านครูบาบุญปั๋น วัดจอมแจ้ง ครูบาคำ(เจ้าคณะตำบลบ้านแมในสมัยนั้น) และพระครูสุริยนต์ ภูริปุญโญ วัดริมเหมือง มาวางศิลาฤกษ์เพื่อที่จะบูรณะพระธาตุดอยตุ๊โก๋ ในวันที่ ๑๐ เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ และได้บูรณะเสร็จเมื่อวันที่ ๒๑ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นเวลาร่วม ๓ เดือนเศษ และได้ทำการยกยอดฉัตรเจดีย์ขึ้นในเดือน ๙ เหนือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ
เมื่อเจดีย์บนดอยตุ๊โก๋เสร็จสมบูรณ์ นับแต่นั้นมาชาวบ้านบริเวณนั้นและใกล้เคียงก็ต่างเกิดศรัทธามากขึ้น ได้มาทำบุญในวันพระ และวันสำคัญในพระพุทธศาสนา เช่น วันขึ้นปีใหม่เมือง และที่สำคัญ คือ ประเพณีสรงน้ำพระธาตุเดือน ๙ เหนือ ชาวบ้านก็จะมาร่วมกันทำบุญ เวียนเทียนรอบองค์เจดีย์ในทุกๆ ปีตลอดสืบเนื่องกันมาจวบจนในปัจจุบัน
สถานะภาพของวัดในปัจจุบัน
• ได้รับอนุญาตให้สร้าง เมื่อวันที่ 10 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2525
สถานที่ที่น่าสนใจภายในวัดที่พักสงฆ์สงฆ์ดอยตุ๊โก๋
ที่พักสงฆ์ดอยตุ๊โก๋ตั้งอยู่บนยอดดอยในหมู่บ้านหนองไหว ชมวิวธรรมชาติ ทิวทัศน์ อณาบริเวณของหมู่บ้านหนองไหวจากบนศาลา และกราบนมัสการองค์พระเจ้าทันใจ หน้ากว้าง เมตร สูง 9 เมตร เพื่อเป็นสิริมงคล และงานประเพณีสรงน้ำพระเจดีย์ประจำปี ช่วงเดือน 9 เหนือ 15 ค่ำ เปิดโอกาสให้ศรัทธาและประชาชนชาวบ้านได้ร่วมงานและทรงน้ำพระเจดีย์ ที่ได้จัดเป็นประจำทุกปี
ความน่าสนใจภายในที่พักสงฆ์สงฆ์ดอยตุ๊โก๋
แรกเริ่มเดิมทีพระธาตุวัดดอยตุ๊โก๋ เป็นพระธาตุเก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองไหว ต.น้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งครูบาก่ำ (ร่วมสมัยครูบาเจ้าศรีวิชัย) ได้เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างตั้งแต่แรก ต่อมากาลเวลาผ่านไปก็เหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง จนกระทั่งพ่ออุ้ยหนานสม สุคำปัน พร้อมชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเป็นที่สักการะบูชาของคนในหมู่บ้านหนองไหว แต่ด้วยการเวลากฎของอนิจจังและประกอบกับฤทธิ์ของแผ่นดินไหวจึงทำให้พระธาตุเกิดการแตกร้าวเสียหายในบางส่วน ทางสมณะศรัทธาและมูลศรัทธาบ้านหนองไหว จึงมีฉันทามติเห็นพ้องกันว่าควรจะทำการบูรณะโดยการสร้างครอบองค์เดิมเพื่อให้มีขนาดใหญ่และสูงกว่าเดิม ให้แข็งแรงคงทน และเพื่อค้ำจุนพระพุทธศาสนา เหตุนี้เองเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเข้าพรรษา สามเณรภานุวัฒน์ ตาเป็ง สามเณรธรรมาสน์ทอง ซึ่งเป็นลูกหลานของพ่ออุ๊ยติ๊บ แม่อุ๊ยติ๊บ ตาเป็ง บ้านหนองไหว พร้อมกับพระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. (ดร.ดวงคำ อภิวฒฺฑโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ประธานสงฆ์วัดโลกโมฬี ร่วมด้วยคณะศรัทธาบ้านหนองไหว และใกล้เคียงในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนได้มีเจตนาตั้งมั่นที่จะช่วยกันบูรณะองค์พระธาตุให้เสร็จสมบูรณ์จึงรวบรวมปัจจัยในการบูรณะได้เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท มอบสมทบทุนให้กับทางวัด จนกระทั่งมาถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 การบูรณะองค์พระธาตุก็ได้เสร็จสมบูรณ์ตามเจตนา สมณะศรัทธาและมูลศรัทธาบ้านหนองไหว จึงตกลงพร้อมกันว่าบัดนี้องค์พระธาตุได้สำเร็จเป็นองค์ใหม่ และสมควรจะตั้งชื่อเพื่อเป็นมงคล จึงได้ปรึกษาขอความเมตตาจาก พระธรรมเสนาบดี (ธงชัย สุวณฺณสิริ) รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ซึ่งได้ตั้งชื่อพระธาตุองค์นี้ว่า “พระธาตุอรหันตาบูชา” และในวันที่ 9 มกราคม 2559 พระธรรมมังคลาจารย์ (หลวงปู่ทอง สิริมังคโล) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ได้เมตตามาเป็นองค์ประธานยกยอดฉัตรฯ และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระธาตุ ก่อนทำพิธีอบรมสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ ต่อมาในวันที่ 10 มกราคม 2559 ก็ได้ทำพิธีถวายองค์พระธาตุ โดยมีพระเทพปริยัติ (สะอาด ขนฺติโก) เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นองค์ประธานรับถวาย
พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. เปิดเผยว่า สำหรับวัดพระธาตุดอยตุ๊โก๋ เคยเป็นวัดร้างมาก่อนดังจะเห็นได้จากหลักฐานร่องรอยซากปรักหักพังของโบราณวัตถุ และโบราณสถานเก่าแก่ภายในวัดที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน วัดแห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวชุมชนในต.น้ำบ่อหลวง ในอดีตเคยมีพระธรรมจาริกจากวัดศรีโสดา โดยพระเทพโกศล อดีตเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ส่งไปจำพรรษาอยู่โดยตลอด แต่ขณะนี้ทางวัดยังมีฐานะเป็นเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้น และยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นวัดอย่างถูกต้องเป็นทางการ แต่ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีเมื่อวันที่ผ่านมาได้มีการจัดพิธีสรงน้ำพระธาตุฯ ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมาร่วมในพิธีด้วยได้ปรารภกับพระเถระผู้ใหญ่ว่าสำนักสงฆ์ดอยตุ๊โก๋ มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน สมควรอย่างยิ่งที่จะมีการยกฐานะและขึ้นทะเบียนให้สำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นวัดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และประกาศอย่างเป็นทางการต่อไปในเร็วๆ นี้
ข้อมูลเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2560