เป็นวัดเก่า ที่ร้าง เริ่มบรูณะสร้างใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2517 ตอนที่ มาบรูณะวิหารเก่า มีพระธาตุเก่า และ ฐานอุโบสถ เก่าที่หน้าหันไปทางทิศใต้ อุโบสถหันไปทางทิศใต้เป็นผู้ หญิงสร้าง ในยุคสุโขทัยแล้วขุดเจอ เบี้ยที่ ของต่างๆ ที่ใช้เป็นเงินในสมัยนั่น
ประวัติวัดอุโบสถ(แสนตอ)
ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
สถานที่ตั้ง
วัดอุโบสถ(แสนตอ) เลขที่ ๒๗๔ บ้านแสนตอ ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๑ งาน ๕๘ ตารางวา โฉนดเลขที่ ๓๒๑๕๗ อาณาเขตติดกับสถานที่ต่างๆดังนี้ ทิศเหนือ ๒ เส้น ๑๔ วา ๑ ศอก จดที่ดินเอกชน ทิศใต้ ๒ เส้น ๑๘ วา ๒ ศอก จดที่ดินเอกชน ทิศตะวันออก ๑ เส้น ๗ วา จดที่ดินเอกชนทิศตะวันตก ๑ เส้น ๘ วา จดที่ดินเอกชน
ประวัติความเป็นมา
วัดอุโบสถ(แสนตอ) ตั้งอยู่เลขที่ ๒๗๔ หมู่ที่ ๖ ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๑ งาน ๕๘ ตารางวา อาณาเขต ทิศเหนือประมาณ ๒ เส้น ๑๔ วา ๑ ศอก จดที่ดินเอกชน ทิศใต้ประมาณ ๒ เส้น ๑๘ วา ๒ ศอก จดที่ดินเอกชน ทิศตะวันออกประมาณ ๑ เส้น ๗ วา จดที่ดินเอกชน ทิศตะวันตกประมาณ ๑ เส้น ๘ วา จดที่ดินเอกชน อาคารเสนาสนะประกอบด้วย วิหาร พระธาตุ กุฏิสองหลัง ศาลาการเปรียญ และ ศาลาลาย
วัดอุโบสถสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ ๒๓๗๐( ยังไม่ทราบแน่ชัด) ตามประวัติวัดแจ้งว่า สร้างประมาณ ๒๔๘๐ เดิมเป็นที่วัดร้าง สิ่งก่อสร้างได้สลักหักพังลง คงเหลือแต่ฐานของ อุโบสถ วิหาร พระธาตุ เท่านั้น ก่อนหน้านั้นสมัยประมาณ พ.ศ ๒๔๘๕ ได้มีพระรูปหนึ่งชื่อว่า ครูบาเหมย โพธิโก ได้มาจำวัดอยู่ที่นี่และก็มรณภาพที่นี่ และวัดก็ร้างไป จนในปี พ.ศ ๒๕๑๗ ศรัทธาสาธุชนทายกทายิกา ได้ไปนิมนต์พระภิกษุมาจำพรรษา และได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง ชาวบ้านเรียกว่า วัดร้องอึ่ง การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนามคือ
รูปที่ ๑ ) พระบุญมา พ.ศ ๒๕๒๑-๒๕๒๒
รูปที่ ๒) พระดวงแก้ว ฐิตฺธมฺโม พ.ศ ๒๕๒๒- ๒๕๒๕
รูปที่ ๓) พระสุข พ.ศ ๒๕๒๕-๒๕๒๗
รูปที่ ๔) พระไสว อภิวนฺโน พ.ศ ๒๕๒๗-๒๕๒๙
รูปที่ ๕) พระอธิการเมืองแก้ว รตฺนปญฺโญ ๒๕๓๒-๒๕๓๕
รูปที่ ๖) พระนิคม ประภสฺโร พ.ศ ๒๕๓๖-๒๕๔๐
รูปที่ ๗) พระครูประดิษฐ์ธีรคุณ(อดิศักดิ์ ยาวิชัย) พ.ศ ๒๕๔๐ เป็นต้นมาจนถึง
ปัจจุบัน
สิ่งก่อสร้างภายในวัด
๑) วิหาร
๒) พระธาตุ
๓) ศาลาการเปรียญ
๔) กุฏิ
๕) วิหารครอบรอยพระพุทธบาทจำลอง
๖) อุโบสถ(กำลังก่อสร้าง)
๗) วิหารองค์มหาเทพ และครูบาเจ้าศรีวิชัย
๘) วิหารพระเจ้าทันใจ
๙) บ่อน้ำทิพย์
๑๐) วิหารครูบาเหมย
๑๑) ห้องครัว
๑๒) ห้องน้ำ
ปูชนียสถานสำคัญภายในวัด ฐานอุโบสถเก่า บ่อน้ำทิพย์ รอยพระพุทธบาทจำลอง พระทันใจ(สร้างเสร็จเก้าช.ม ) พระธาตุทันใจ(สร้างเสร็จภายในเก้าวัน)ฯลฯ
ลำดับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
รูปที่ ๑ ) พระบุญมา พ.ศ ๒๕๒๑-๒๕๒๒
รูปที่ ๒) พระดวงแก้ว ฐิตฺธมฺโม พ.ศ ๒๕๒๒- ๒๕๒๕
รูปที่ ๓) พระสุข พ.ศ ๒๕๒๕-๒๕๒๗
รูปที่ ๔) พระไสว อภิวนฺโน พ.ศ ๒๕๒๗-๒๕๒๙
รูปที่ ๕) พระอธิการเมืองแก้ว รตฺนปญฺโญ ๒๕๓๒-๒๕๓๕
รูปที่ ๖) พระนิคม ประภสฺโร พ.ศ ๒๕๓๖-๒๕๔๐
รูปที่ ๗) พระครูประดิษฐ์ธีรคุณ(อดิศักดิ์ ยาวิชัย) พ.ศ ๒๕๔๐ เป็นต้นมาจนถึง
ปัจจุบัน
• ได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัด พ.ศ. 2370
• ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ไม่ทราบวันเวลา
- สืบชาตาเสริมบารมี
- อาบน้ำมนต์ล้างอาถรรภ์ แก้กรรม
- ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ บรรญากาสสัปปายะ
- สวดมนต์ทำวัตรเย็นนั่งสมาธิ เวียนเทียนรอบพระธาตุ ทุกวันพระ เป็นโครงการเจ็ดวันชาร์จแบตร์
- เป็นวัดหนึ่งที่แม่เจ้าจามเทวีทรงสร้างไว้
- น้ำไหลจากพระเจ้า ไหลออกมาจากมือพระพุทธรูป
- มีน้ำบ่อน้ำทิพย์
- พระเจ้าทันใจมหามงคลสมปรารถณา
- พระธาตุทันใจมหามงคลสมปรารถณา
- เทพทันใจ แม่ประทานพร
- วิหารองค์เทพ
- แม่เจ้าจามเทวีศรีหริภุญชัย
- รูปปั้นครูบาเจ้าศรีวิชัย
ประวัติจากคำบอกเล่า(หรือเรื่องเล่าปรัมปรา)
มีผู้เฒ่าผู้เล่าว่า วัดอุโบสถนี้เป็นวัดร้างมานานมากแล้ว ขนาดคนเฒ่าคนแก่อายุมากที่สุดก็ยังเคยเห็นว่ายังเป็นวัดร้างตั้งแต่ยังจำความได้
และได้สันนิษฐานกันว่าวัดนี้มีที่สังเกตุอยู่อย่างหนึ่งว่า พระอุโบสถของวัดหันหน้าไปทางทิศไต้ จากคำบอกเล่าของคนที่เรียนเกี่ยวกับวรรณคดี หรือกลุ่มที่เรียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเข้าจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นพระอุโบสถภิกษุณี หรือาจจะเป็นอุโบสถที่มีผู้หญิงสร้างเพียงคนเดียว และเลยเข้าใจสันนิษฐานว่า(วัดนี้ร้างมานานเลยไม่สามารถค้นหาศิลาจารึกเจอได้หรืออาจสูญหายอยู่ในดินลึกมากก็เป็นได้) วัดนี้อาจสร้างโดยพระแม่เจ้าจามเทวีศรีหริภุญชัย ก็เป็นได้ เพราะพระองค์อาจสร้างวัดเพื่อเป็นชายแดนเขตบ้านเขตเมืองก็เป็นได้ เพราะสังเกตดูจากวัดละโว้ที่อยู่ห่างๆกันไปจะอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน (* ท่านเจ้าอาวาสท่านได้เล่าว่าตัวท่านเองได้นั่งสมาธิ และก็ได้สัมผัสเห็นถึงดวงจิตของพระแม่เจ้าจามเทวี มาบอกในนิมิต ว่า” นี่ลูก ที่ตรงที่ท่านสร้างนี้เป็นอุโบสถที่แม่ได้สร้างไว้ และวัดนี้แม่ก็ได้สร้างไว้เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นประตูสู่บาดาล ข้างบนเป็นประตูสู่สวรรค์ ฉะนั้นที่นี้เลยเป็นสถานที่แห่งสามภพ และการเป็นวัดขึ้นมาครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว และการสร้างอุโบสถหลังนี้ก็ได้สร้างเป็นครั้งที่สี่แล้ว ขอให้ท่านดูแลที่นี้ และดวงจิตนี้ท่านต้องคอยดูแลที่นี้เท่านั้น “ และท่านก็ได้สืบถามกับผู้รู้อีกหลายท่าน ทั้งทางวิทยาศาสตร์ และทางจิตวิญญาณ ก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันหมด ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นวัดที่องค์พระแม่เจ้าจามเทวี องค์ปฐมกษัตริย์แห่งเมืองหริภุญชัย เป็นผู้สร้าง และท่านพระคุณเจ้าก็ได้เล่าถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่ง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2546 ว่ามีผู้หญิงและผู้ชายชาวสันทราย โดยผู้หญิงมีอาการเหมือนกำลังเข้าทรงชี้ทางโดยมีฝ่ายชายเป็นคนขับรถมาที่วัด โดยที่ไม่รู้จักวัดนี้เลย พอเข้ามาก็บอกว่า เค้าชื่อเจ้าหญิงในสมัย เมืองนครพิงค์ ซึ่งในสมัยนั้นท่านได้ถูกส่งไปเป็นบรรณาการให้กับเจ้าผู้ครองสุโขทัย แต่พระองค์ท่านก็ไม่ได้เต็มใจด้วยว่ามีคนรักอยู่แล้วก็คือทหารเอกที่นำทัพไปส่งนั่นเอง ท่านบอกว่าได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้วได้เห็นพระภิกษุหลายรูปและชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณะพระเจดีย์องนี้ อยู่ก็เลยมีใจอยากทำบุญก็เลยพักทัพที่นี่เพื่อช่วยสร้างเจดีย์ พอสร้างเสร็จก็ได้ถอดสร้อยสังวาล ใส่ลงไปในองค์พระธาตุด้วย พอสร้างเสร็จพระนางก็ไม่อยากจะไปเลยขอพักอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งก่อน เพื่อที่จะมีเวลาอยู่กับคนรักให้หนำใจ แต่แล้วพระนางก็คิดสั้นเลยได้กินยาพิษฆ่าตัวตายในครั้งนั้น พอความทราบถึงเจ้าเมืองนครพิงค์ ก็เลยโกรธกริ้วมากเลยสั่งประหารทหารทั้งหมดที่อยู่ในกองทัพ และภิกษุสงฆ์ ทั้งหมด ในคราวนั้น
และก่อนที่คนทรงคนนั้นจะกลับไปเค้าบอกว่าเค้าได้ไปแตะเตียงหลังหนึ่งซึ่งเป็นเตียงเก่าโบราณที่วางจำหน่ายอยู่ที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ และเค้าก็เห็นผู้หญิงสูงศักดิ์ นอนจมกองเลือดอยู่ และก็ขอใช้ร่างเค้าเพื่อที่จะมาช่วยปลดปล่อยเหล่าทหารของท่านและพระภิกษุ และผู้คนที่ได้รับเคราะห์ในคราวครั้งนั้น (และยังมีเรื่องราวปาฏิหาริย์อีกหลายเรื่องดังจะได้เล่ากันในคราวต่อๆไป
เรื่องเล่าจากนิมิตรเจ้าอาวาส
เรื่องแม่เจ้าจามเทวีสร้างวัด
เมื่อประมาณปี พ.ศ 2ุ550 ทุ่ถานเจ้าอาวาสได้เริ่มปฏิบัติกรรมฐานแบบจริงจังแบบยิ่งยวด ตอนทำสมาธิครังแรกที่แม่เจ้ามาท่านไม่ได้บอกอะไรเพียงแต่มายืนยิ้มให้ อาตมาก็ไม่เคยรู้จักท่านเพียงแต่ดูและก็ชื่นชมว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามสง่ามีผลังอำนาจมาก ถึงกระนั้นอาตมาก็อ่อนแรงมากเพราะสู้ปะธะผลังของท่านมิได้ พอออกจากสมาธิถึงกับต้องคลานออกมาจากบัลลังเลยทีเดียว แต่ท่านแม่เจ้าก็จะมาในสมาธิตลอด มาบอกคำสองคำเรื่อยๆมา และจนถึงเดี๋ยวนี้ก็สามารถพูดคุยกันได้บ้างแล้ว จากที่พูดปติดปต่อไปมาได้ความว่า แม่เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่มานั่งปฎิบัติกรรมฐาน เพราะที่นี้เป็น ปากทางสู่สามภพ คือ สวรรค์ เมืองมนุษย์ และบาดาล แม่เลยสร้างเพื่อเป็นที่หมายจำเอาไว้ และอาตมาก็เลยถามว่า ท่านทำใมเรียกเราว่าลูกตลอดเวลา คำตอบที่เเม่บอกทำให้อาตมาอึ้ง มากเพราะอาตมาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองใหญ่โตอะไรรู้แต่ว่าเป็นพระธรรรมดาอยู่วัดเล็กๆเท่านั้น แต่แม่กลับบอกอาตมาว่า ชาติก่อนอาตมาเป็นเจ้าอนันตยศ เป็นลูกชายแฝดของท่าน (อาตมาก็เลยคิดว่า มิน่าเล่าอาตมาถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่ญาติพี่น้องอาตมาก็ไม่มีที่หมู่บ้านนี้แม้แต่คนเดียว และวัดนี้มีพระอยู่ก็หลายรุ่นแต่ละรุ่นอยู่แค่ปีสองปีเดือนสองเดือนเท่านั้นที่อยู่นานสุดอยู่ได้แค่สี่ปีก็มรณภาพ)
แลแม่ได้บอกว่าวัดนี้บูรณะมาแล้วสามครั้ง รุ่นลูกเนี่ยเป็นครั้งที่สี่แล้ว อิฐรุ่นของแม่สร้างนั้นอยู่ข้าไต้นู้น