ข้อมูลทั่วไปของวัดวัดแสนหลวง
- ชื่อวัด: วัดแสนหลวง
- ประเภทวัด: วัดราษฎร์/พัทธสีมา
- นิกาย: มหานิกาย
- ที่ตั้ง: เลขที่ 2 หมู่ 3 ยางเนิ้ง เชียงใหม๋-ลำพูน ตำบลยางเนิ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ รหัสไปษณีย์ 50140
- เนื้อที่: 5 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา
ประวัติความเป็นมา
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อพระเจ้ากาวิละและพญาจ่าบ้าน มาอยู่ที่เวียงหวากแล้วจึงปรึกษาหารือกัน ได้มีมติเห็นชอบตรงกันในอันที่สร้างวัดขึ้นสักวัดหนึ่ง เพื่อไว้บำเพ็ญกุศลของข้าราชการในราชสำนักและไพร่ฟ้าประชากร จึงประชุมเสนาอำมาตย์และชาวเมือง ที่ประชุมีความเห็นชอบพร้อมกัน โดยมอบให้พญาแสนหลวงเป็นสล่า (นายช่าง) ออกแบบก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2338 ตรงกับเดือน 6 เหนือ (เดือน 4 ใต้) ออก 15 ค่ำ ยามแถลรุ่ง (ใกล้รุ่งอรุณ) เป็นเวลาฤกษ์งามยามดี จึงได้ทำพิธีฝังลูกนิมิต โดยอาราธนามหาเถรเจ้าจ่อคำต๊ะโรเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ พญาแสนหลวงเป็นหัวหน้าฝ่ายฆราวาส แบ่งหน้าที่ให้ผู้ชำนาญแต่ละหมวดหมู่รับงานไปทำ การก่อสร้างดำเนินงานไปเกือบจะเสร็จ ทางสล่าอยากจะได้จอง (เตียง) ไว้ในโฮง (กุฏิ) ให้พระสงฆ์ไว้นอน และอยากจะได้เตียงถวายเจ้าเหนือหัว (พระยากาวิละ) ด้วย จึงได้พาพวกสล่าไปตัดต้นยางต้นหนึ่ง (ในตำนานกล่าวว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ขนาดสามคนโอบ) มีลำต้นเนิ้ง (เอน) ไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่า ต้นยางนี้คงจะขึ้นอยู่แถวบริเวณโรงฆ่าสัตว์เทศบาลเดิม เพราะเป็นเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลาสองร้อยกว่าปีแล้ว พอคณะช่างไปถึงที่ต้นยางใหญ่ สล่าหมิ่นจองต๊ะ ผู้เป็นหัวหน้าก็ยกขวานใหญ่ฟันไปที่ต้นยางนั้น ก็บังเกิดอาเพศ โดยต้นยางใหญ่ต้นนั้น มีอาการสั่นสะเทือน และมีเสียงคราง ฮือๆ เหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส พวกสล่าเหล่านั้นต่างพากันทิ้งเครื่องมือวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ผู้ที่มีสติดีกว่าเพื่อน ได้แก่พญาแสนหลวงผู้เป็นหัวหน้า ได้ตะโกนสั่งให้ลูกน้อง ไปนำเอาข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เหล้าไห ไก่คู่ หมาก เมี่ยง พลู ยา มาตั้งศาลเพียงตา ทำพิธีบวงสรวง เสร็จแล้วจึงสั่งให้นายช่างเข้าตัดต้นยางต่อไป คราวนี้ปรากฏว่า ไม่มีการสั่นสะเทือนหรือเสียงครางออกมา การก่อสร้างวัดก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ต่อมาไม่นานนัก พญาแสนหลวงก็ถึงแก่อนิจกรรมลง ต่อมาอีกเพียง 3 วัน มหาเถรจ่อคำต๊ะโร เจ้าอาวาสก็ถึงแก่มรณกรรมลง เมื่อทำบุญปลงศพเสร็จแล้ว พระเจ้ากาวิละจึงได้ให้สล่าแป๋งหหอ (ศาล) ไว้สองหอ หอคำสร้างไว้ที่หลังพระวิหาร ต่อมาหอคำนี้ก็ได้หายสาบสูญไป ส่วนอีกหอหนึ่ง คือหอพญาแสนหลหวง สร้างไว้ที่แจ๋ง (มุม) กำแพงวัดด้านเหนือ คือที่ริมศาลาบาตร ใต้ต้นโพธิ์ตราบเท่าทุกวันนี้ ต่อมาพระเจ้ากาวิละและพญาจ่าบ้าน จึงได้พระกรุณาโปรดให้ตั้งชื่อวัดนี้ว่า "วัดแสนหลวง" เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่ "พญาแสนหลวง" นายช่างใหญ่ผู้ออกแบบและดำเนินการก่อสร้างวัดนี้ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2338 ส่วนศาลพญาแสนหลวง ต่อมาได้นามว่า "ศาลเจ้าพ่อแสนหลวง" เพื่อเป็นสักการะของประชาชนต่อไปอีกนานเท่านาน ต่อมาในปี พ.ศ. 2339 พระเจ้ากาวิละ และพญาจ่าบ้าน (บุญมา) สองน้าหลาน เห็นว่าเมืองเชียงใหม่ได้ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่ามานานแล้ว ควรจะพากันไปปฏิสังขรณ์เมืองเชียงใหม่อันเป็นเมืองหลวงเดิม คิดไว้เช่นนี้แล้ว จึงได้อพยพไพร่ฟ้า ข้าแผ่นดินกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ ทำการปฏิสังขรณ์บูรณะจนเจริญรุ่งเรืองมาตราบเท่าทุกวันนี้
สถานะภาพของวัดในปัจจุบัน
• ได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัด พ.ศ. 2338
• ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 7 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2461
สถานที่ที่น่าสนใจภายในวัดวัดแสนหลวง
กิจกรรม งานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ และไหว้สาบารมีเจ้าพ่อแสนหลวง ประจำปี วันที่เริ่ม วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 เหนือ ของทุกปี
ความน่าสนใจภายในวัดแสนหลวง
เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีศาลเจ้าพ่อแสนหลวงที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สักการะบูชา และขอพรจากประชาชนทั่วไป
ข้อมูลเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555