ในอดีตนั้นวัดป่าลานตั้งอยู่ในเขตยางคราม อำเภอจอมทอง ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖ ทางการได้แบ่งแยกเขตการปกครองแยกจากตำบลยางครามตั้งเป็นตำบลใหม่ชื่อตำบลสันติสุข แยกจากอำเภอจอมทอง มาเป็นกิ่งอำเภอดอยหล่อ และได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอดอยหล่อเมื่องานเฉลิมพระเกิยรติ ๘๐ พรรษา พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๐ ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อกันมาว่าวัดป่าลานเป็นวัดที่ร้างมานานหลายร้อยปี ไม่ทราบสร้างแต่สมัยใดเหลอแต่หลักฐานคือ เจดีย์ ที่พักมีต้นไม้ขึ้นกลางเจดีย์และมีต้นลานป่าขึ้นตามบริเวณวัดมีต้นไผ่ต้น ไม้นาๆพันธุ์ขึ้นไปทั่วจนชาวบ้านไม่กล้าเข้าชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่ากู่ป่าลานและมีฐานที่มองเห็นอีกอย่างคือหินพัทธสีที่ยังทำจากหินเป็นแท่งฝังรอบอุโบสถ เวลาล่วงเลยมาถึง พ.ศ.๒๔๖๐ ครูบาพรหม เจ้าอาวาสวัดหนองหลั้ว ท่านเห็นว่า บริเวณวัดใกล้เคียงไม่มีอุโบสถที่จะทำ
สังฆกรรมของสงฆ์ท่านครูบาเลยเป็นประธานบูรณปฎิสังขรณ์อุโบสถเก่าขึ้นเท่าของเดิมจนถึง พ.ศ. ๒๔๖๓
จึงสำเร็จ เมื่อทำกิจสงฆ์เรียบร้อยพากันกลับวัดใครวัดมันไม่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาในปีต่อมาท่านครูไชยยาเจ้าอาวาสวัดคันธาวาส ท่านเห็นว่าวัดป่าลานเป็นวัดร้างเก่าแก่ขาดพระสงฆ์มานานและเป็นสถานที่สงบเหมาะแก่การปฎิบัติธรรม ต่อมาเมื่อมีศรัทธญาติ โยมมาทำบุญมากขึ้นไม่มีที่จะทำบุญท่านครูบาเลยเป็นประธานสร้างวิหารขึ้นมาหลังหนึ่งไม่ใหญ่โตเท่าไหร่พอเหมาะแก่การทำบุญในสมัยนั้น มีภิกษุสามเณรแม่ชีและชาวบ้านบางคนมาร่วมปฏิบัติธรรมด้วย จน พ.ศ.๒๔๘๑ จึงสร้างวิหารเสร็จ ครูบาอยู่ปฎิบัติธรรมถึงปี .ศ.๒๔๘๑ ท่านเกิดอาพาธล้มป่วยลงศรัทธาจึงได้พาท่านรักษาตัวที่สัดทุ่ง ปุย ในที่สุดท่านครูบาก็ได้ถึงแก่กรรมด้วยอาการสงบ หลังจากประชุมเพลิงศพท่านครูบาแล้วก็ได้นำอิฐิ ท่านมาบรรจุไว้ที่ใกล้ฐานเจดีย์วัดป่าลาน นับว่าท่านครูบาไจยยาเป็นพระที่ปฎิบัติชอบที่ดีมากและเป็นพระสงฆ์องค์แรกที่มาจพพรรษาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน