การกำเนิดหมู่บ้าน "บ้านแป้น" มีมายาวนานและไม่ค่อยมีข้อมูลที่จะให้วิเคราะห์มากนัก ตามคำบอกเล่าของ พ่อแหว้น พรหมพฤกษ์ อายุ 78 ปี(เมื่อพ.ศ.2548)เป็นคนบ้านแป้นดดยกำเนิด ปัจจุบันได้ถึงแก่กรรมแล้ว เป็นคณะกรรมการวัดบ้านแป้นในช่วงที่ผ่านมา และพ่อหนานแก้ว พิทองจา (นายมงคล พิทองจา ปัจจุบัน เป็นอาจารย์วัดบ้านบ้านแป้น)ได้เล่าให้ฟังว่า เดิมที่บ้านแป้นนี้ชางบ้านเรียกกันว่า "บ้านป่าตาลต้นผึ้ง"หรืออีกชื่อหนึ่ง เรียกว่า "บ้านแป้นป่าตาลวิหารต้นผึ้งม่วงกว้างทรายมูล"เนื่องจากที่วัดประจำหมู่บ้านมีผึ้งทำรังที่ด้สนหน้าวัดและด้านหลังของวัด ทั่วทั้งหมู่บ้านมีต้นตาลมากมาย ภายหลังประมาณหนึ่งร้อยปีได้เปลี่ยนชื่อจากบ้านป่าตาลต้นผึ้งเป็น"บ้านแป้น"เนื่องจากชาวบ้านทำการเกษตร และใช้น้ำจากฝายแป้น(ฝายแป้นมีความหมายว่า ที่กั้นน้ำหรือที่ทดแทนน้ำทำจากไม้กระดานหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไม้แป้น)ฝายแป้นนี้กั้นน้ำจากแม่น้ำทา เพื่อทดน้ำเข้ามาสู่ไร่นาของราษฎรในหมู่บ้าน หมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของฝายนั้นจึงเรียกชื่อว่า หมู่บ้านฝายแป้น ส่วนคลองที่ส่งทดน้ำจากฝายแป้นผ่านมาทางหมู่บ้านป่าตาลต้นผึ้ง เรียกว่าลำเหมืองแป้น และชาวบ้านจึงได้เรียกว่าหมู่บ้านป่าตาลต้นผึ้งเป็น"บ้านแป้น"เพื่อสะดวกและง่ายในการเรียกตามชื่อของลำเหมืองนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ืที่บ้านแป้นสมัยเริ่มแรกเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ตั้งแต่โบราณไม่ทราบกี่ร้อยปีมาแล้วหมู่บ้านนี้เกิดการกระจายของผู้คนที่เป็นคนรับใช้ของเจ้าหลวงลำพูน(เจ้าเมืองลำพูนในสมัยนั้น)คนรับใช้นั้นมีชื่อว่า"หนานคำปัน"เป็นคนลาวมาอยู่ที่บ้านสันหวาย(เป็นบ้านที่อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันนออกเฉียงใต้จากวัดบ้านแป้น ประมาณ 500-700 เมตร ปัจจุบันยังมีผู้คนอาศัยอยู่ในแถบนั้น)เพื่อจะดูแลตำหนักและแหล่งคล้องช้างของเจ้าหลวง(พอเป็นที่สังเกตได้ว่าเป็นแหล่งท่องคล้องช้างได้จากชื่อเรียกติดปากผู้คนอยู่ปัจจุบันอยู่สองแห่งคือ"สันตก"และ "สันธง")
ต่อมาลูกหลานของหนานคำปัน ได้โยกย้ายที่อยู่อาศัยจากบ้านสันหวายมาอยู่บ้านแป้น ผู้ที่โยกย้ายมานั้นมีฐานะยากจน ต่อมามีลูกหลานทวีมากขึ้น ภายหลังมีผู้คนจากที่อื่นอพยพมาตั้งหลักแหล่งที่บ้านแป้น ดังเช่น ครอบครัวของพ่อหนานไจวะนะ(ท้าวเขื่อน)ที่ได้อพยพมาจากเชียงตุงมาอยู่ลำพูน และย้ายไปอยู่บ้านแป้นภายหลัง