ข้อมูลทั่วไปของวัดวัดดอยขุนตาน
- ชื่อวัด: วัดดอยขุนตาน
- ประเภทวัด: วัดราษฎร์/พัทธสีมา
- นิกาย: มหานิกาย
- พระภิกษุ: 1 รูป
- สามเณร: 1 รูป
- ลูกศิษย์วัด: 2 คน
- ที่ตั้ง: เลขที่ 24 หมู่ 8 บ้านขุนตาน ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน รหัสไปษณีย์ 51140
- โทร: ไม่มี
- แฟกซ์: ไม่มี
- เว็บไซต์: วัดดอยขุนตาน
ประวัติความเป็นมา
ประวัติวัดดอยขุนตาน
ตามประวัติเล่าว่าในช่วงแรกที่มีการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตานนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดช่วงหนึ่ง จากสาเหตุหลายประการ เช่น
๑ จากวัณโรค และปอดบวม เพราะก่อนที่อุโมงค์จะทะลุถึงกันด้านในจึงเป็นเพียงโพรงทึบมืดๆ จึงต้องใช้แสงสว่างจากโคมน้ำมัน ที่เรียกกันว่า โคมเป็ด เพราะมีรูปคล้ายเป็ดขนาด ๒ เดือน แต่เป็นเป็ดไม่มีหัวไม่มีขา ตรงคอเป็ดมีรูให้ไส้ตะเกียงยื่นออกมา บนหลังมีห่วงให้เอาลวดหรือเชือกหิ้วแขวนได้ ในท้องเป็ดมีเชื้อเพลิงคือน้ำมันก๊าดผสมน้ำมันมะพร้าว เวลาจุดจึงมีทั้งแสงสว่างและควันไฟ เมื่อสูดดมเข้าไปมากๆ ก็เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ทั้งอากาศที่อับชื้นเหม็นกลิ่นดินระเบิด อากาศคาร์บอน อันเกิดจากน้ำกับหินปูนแปรธาตุเข้าผสมกัน แต่ละอย่างเหล่านี้ไม่เป็นประสงค์แก่ร่างกายทั้งสิ้น เฉพาะอย่างยิ่งปอดที่ผู้อุส่าเข้าไปทำงาน ในระยะนั้นเหงื่อไหลโทรมกายหายใจอึดอัดอยู่ตลอดเวลา เพราะอากาศและความร้อน เมื่อทำงานไปได้สักครู่ก็ต้องวิ่งออกมาด้านนอกเปิดก๊อกให้น้ำไหลรดตัวเพื่อดับร้อน และล้างปากล้างจมูกจากคราบควัน วนเวียนอยู่เช่นนี้ทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน เพราะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นสลับอยู่อย่างนั้น อีกทั้งน้ำที่ใช้ก็มีความเย็นจัดอีกด้วย
๒ จากฝิ่น ซึ่งถือเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมายในขณะนั้น บรรดาคนงานส่วนใหญ่ที่มารับจ้างทำงานขุดเจาะอุโมงค์ขุนตานก็เพราะว่าจะได้มีเงินไปซื้อฝิ่นมาเสพนั่นเอง จนช่วงหนึ่งถึงกับมีการจ่ายค่าแรงเป็นฝิ่นแทนเงินเลยก็มี
๓ จากสัตว์ป่า ที่มีอยู่ชุกชุม เนื่องจากเขาขุนตานมีแนวเขาเชื่อมไกลเป็นป่าใหญ่ จนถึงกับต้องจ้างนายพรานไว้ล่าและคอยระวังไพรให้คนงานทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน
๔ จากการทะเลาะวิวาท จากพวกที่ติดสุราและเล่นการพนัน เนื่องจากคนงานส่วนใหญ่ที่นี่มาจากหลายที
๕ จากอุบัติเหตุขณะทำงาน ซึ่งมีแทบทุกวัน บางวันมากกว่า ๑ ศพ
จากสาเหตุการเสียชีวิตของเหล่าคนงานหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เกิดความกลัวและกระทบกระเทือนไปถึงการทำงานขุดเจาะอุโมงค์ขุนตานที่จะล่าช้าออกไป จึงได้มีการสำรวจถึงสภาวะทางจิตใจและวัฒนธรรมของหมู่คนงาน จึงได้ทราบว่าคนงานส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชน จึงได้มีการร่วมกันก่อตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นโดยหาพระพุทธรูปมาประดิษฐานและอาราธนาพระสงฆ์มาอยู่ประจำที่ขุนตาน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนงาน และคอยประกอบพิธีกรรมต่างๆซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่ง หาก สำนักสงฆ์แห่งนี้ก็ต้องทิ้งร้างไปในช่วงที่เกิดสงครามโลกขึ้น
จนกระทั่งในปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ ได้มีนายวิชัย บุษย์นาวิน อดีตผู้ช่วยนายสถานีรถไฟขุนตาน พร้อมทั้งนายจินดา เสถียรเสพ อดีตนายตรวจทางขุนตานได้ประชุมปรึกษาหารือกับผู้เฒ่าผู้แก่มีนายอุ่นเรือน ยะอนันต์ นายสุข วงษ์สี นายกุลีตา จันทร์สีลา นายกุลีแสน อุตราช นายโล้ นำพูนศักดิ์ นายไพบูลย์ ยะอนันต์ พร้อมทั้งชาวบ้านขุนตานมีความเห็นพร้อมกัน ในอันที่จะพื้นสำนักสงฆ์ขุนตานขึ้นอีกครั้ง โดยยึดเอาแนวสำนักสงฆ์เดิมที่ตั้งระหว่างต้นโพธิ์ ๒ ต้นบนสันเขาหน้าสถานีรถไฟ โดยชาวบ้านได้สละแรงงานและทุนทรัพย์ในการก่อสร้างตามกำลังศรัทธา ได้สร้างกุฎิสงฆ์ขึ้นหลังหนึ่งด้วยไม้สัก สร้างศาลาการเปรียญหนึ่งหลัง และได้เสนอต่อท่าน เจ้าคุณราชานุวัฒน์ เจ้าคณะภาค วัดพระสิงห์วรวิหารขอแต่งตั้งเป็นสำนักสงฆ์ขุนตาน และได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ ๑๑ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๐๐ โดยกระทรวงศึกษาธิการประกาศเป็นสำนักสงฆ์ขุนตาน ประมาณเดือนเมษายนปีถัดมาคณะศรัทธาชาวบ้านขุนตานได้พร้อมใจกันไปอาราธนาพระภิกษุธวัช จากวัดป่าซางงาม จังหวัดลำพูน มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก และในงานฉลองกุฎิ และศาลาการเปรียญในครั้งนั้น ท่านเจ้าคุณราชานุวัฒน์ เจ้าคณะภาค ได้มอบพระประธานสิงห์หนึ่ง หน้าตักกว้าง ๒๔ นิ้ว สูง ๓๔ นิ้ว ไว้เป็นอนุสรณ์หลักฐานอันสำคัญ และเป็นที่สักการบูชาในสำนักสงฆ์แห่งนี้
จากนั้นเป็นต้นมาก็มีคณะศรัทธาจากหลายที่ร่วมให้ความอุปถัมภ์ เช่น นายสมพงษ์ สมศิริวาสน์ บ้านเลขที่ ๑ ๘๓ ถนนจารุเมือง ตำบลรองเมือง อำเภอปทุมวัน พระนครกรุงเทพ ซึ่งทำงานอยู่โรงแรมราชธานี สถานีกรุงเทพ และมาเป็นพ่อครัวประจำรถเสบียงในสายเหนือ ให้ความอุปถัมภ์นำอาหารและจตุปัจจัยเครื่องไทยทานมาถวายตลอด และโดยความศรัทธาอันแรงกล้าได้สละทรัพย์ส่วนตัวสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นหลังหนึ่งชื่อ กุฏิสมศิริวาสน์ และได้ส่งต้นพระศรีมหาโพธิ์กิ่งที่ตอนจากประเทศอินเดียมาปลูกไว้อีกด้วย และหลังจากนั้นไม่นานก็มีคณะศรัทธาชาวหัวหิน โดยคุณพ่วง อุนจักร คุณใหม่ บุญถนอม อดีต ครฟ. ปัจจุบันอยู่เชียงใหม่ ได้นำรอยพระพุทธบาทจำลอง มาจากอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาประดิษฐานไว้ ณ.สำนักสงฆ์ขุนตานพร้อมทั้งก่อสร้างศาลาที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองนี้ขึ้น ๑ หลัง เป็นอาคารทรงไทย กว้าง ๓.๕ เมตร ยาว ๕ เมตร และได้จัดให้มีประเพณีสมโภช และสรงน้ำรอยพระพุทธบาทจำลองดังกล่าวในวันแรม ๘ ค่ำเดือน ๗ ( เดือน ๙ เหนือ ) เป็นประจำทุกปีเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน โดยชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันมาแต่เดิมคือ วัดถ้ำขุนตาน และวัดดอยขุนตาน
บริหารและปกครอง ตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ ถึงปัจจุบัน วัดดอยขุนตานมีพระภิกษุมาจำพรรษาเรื่อยมา และมีรักษาการเจ้าอาวาส / เจ้าอาวาส รวมจำนวน ๑๕ รูปโดยรูปปัจจุบันคือ พระครูไพบูลธรรมรักขิต ( เสกสรร สระวาสรี ) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๒-ปัจจุบัน
สถานะภาพของวัดในปัจจุบัน
• ได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัด เมื่อวันที่ 11 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2500
สถานที่ที่น่าสนใจภายในวัดวัดดอยขุนตาน
๑. อุโมงค์ขุนตาน ยาวที่สุดในประเทศไทย
๒. วัดดอยขุนตาน ที่สะอาด สงบ เป็นธรรมชาติ
๓. อุทยานขุนตานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การท่องเที่ยวพักผ่อนอิริยาบถยิ่ง
๔. ป่าเขาลำเนาไพรที่น่าศึกษาและควรแก่การอนุรักษ์
๕. แนวภูเขาสลับชับซ้อนที่สวยงาม
ความน่าสนใจภายในวัดดอยขุนตาน
แหล่งประวัติศาสตร์ประจำอำเภอแม่ทา
ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2556