ประวัติวัดคีรีวงกฎ
ชื่อเดิมคือ “วัดวังปลากด” ซึ่งได้ตั่งชื่อตามหมู่บ้าน คือบ้านวังปลากด ครั้งแรกตั้งหมู่บ้านขึ้นทางฝั่งทางทิศใต้ของแม่น้ำคลองตรอน เนื่องจากบริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านมีแม่น้ำคลองตรอนไหลผ่านรอบๆหมู่บ้านซึ่งมีปลากดชุกชุม ชาวบ้านจึงยึดเอาสัญลักษณ์นี้มาขนานนามเป็นชื่อหมู่บ้าน และชื่อของวัด ( สำนักสงฆ์ ) ซึ่งได้จัดตั้งในปี พ.ศ.๒๓๙๘ เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๓๙๙ ได้เกิดสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ขึ้นที่ยอดภูเขา ( ภูเขานี้ชาวบ้านเรียกว่า เขาโคม ) ใกล้หมู่บ้านมีลักษณะเป็น “ดวงไฟเท่าลูกมะพร้าว” รัศมีสุกสว่างคล้ายสีรุ้งลอยข้ามหมู่บ้านไปยังภูเขาอีกลูกหนึ่ง ชาวบ้านเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ปรากฏขึ้นจึงได้ถือเอาเป็นสิริมงคลที่จะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเสียใหม่ว่า “บ้านวังปรากฏ” มาจนถึงทุกวันนี้
ต่อมาเกิดไฟป่าลุกลามไหม้บ้านเรือนของชาวบ้านเสียหายเกือบหมด ชาวบ้านได้แต่เศร้าเสียใจจึงปรึกษาหารือกันที่จะโยกย้ายหมู่บ้านข้ามมาอยู่ทางฝั่งคลองทิศหนือของหมู่บ้านเดิม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๐ ได้จัดตั้งหมู่บ้านขึ้นมาใหม่จนเสร็จเรียบร้อย จึงช่วยกันจัดตั้งวัดขึ้นอีกครั้งโดยใช้สัญลักษณ์ภูมิประเทศรอบหมู่บ้านรอบหมู่บ้านที่มีภูเขาล้อมรอบเป็นชื่อของวัดว่า “วัดศีรีวงกฏ” ซึ่งมีความหมายว่ามีภูเขาล้อมรอบนั้นเอง ต่อมาวัดวัดศีรีวงกฏได้รับใบอนุญาตให้สร้างวัดที่ถูกต้องตามกฏหมาย เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๘ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๑ ไร่ ๑ งาน ๔๐ ตารางวา มี นส.๓ ธรรมดา เลขที่ ๒๙๒ หน้าที่ ๔๒ ออกให้ ณ วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๑๐ ที่ว่าการอำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์
ที่ตั้งวัดในปัจจุบัน
ในปัจจุบันวัดคีรีวงกฎ เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้ทำการขึ้นโฉนดที่ดินเป็น นส. ๔ จ. เลขที่ ๑๔๖๒๒ เล่มที่ ๑๓๗ หน้าที่ ๒๒ เนื้อที่ทั้งหมด ๒๓ ไร่ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๑๑ ตำบลป่าคาย อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์
โดยมีอาณาเขตติดต่อตังต่อไปนี้
ทิศเหนือ ยาว ๔ เส้น ๑๓ วา ๑ ศอก ติดต่อกับที่ดินของนางดัด รินน้ำอ่าง
ทิศใต้ ยาว ๕ เส้น ๙ วา ๓ ศอก ติดต่อกับคลองตรอน
ทิศตะวันออก ยาว ๔ เส้น ๑๑ วา ๓ ศอก ติดต่อกับที่ดินของนางวรรณา ทับท่าช้าง
ทิศตะวันตก ยาว ๔ เส้น ๑๕ วา ๑ ศอก ติดต่อกับที่ดินของนายจรัญ แสงจันทร์
• ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 15 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2539
เสนาสนะถาวรวัตถุ
๑. อุโบสถ อุโบสถวัดคีรีวงกฎ มีลักษณะเป็นแบบทรงไทย โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นคอนกรีตเสริม
เหล็กได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓ แล้งเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้รับพระ
ราชทานวิสุงคามสีมา ในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร
๒. กุฏิปัจจุบัน มี ๓ หลัง
- กุฏิหลังเดิมได้สร้างขึ้น พ.ศ. ไหนไม่ทราบแน่นชัดสร้างด้วยไม้มุงด้วยหญ้าคาต่อมาชาวบ้าน เห็นว่าชำรุดทรุดโทรมลงมากจึงได้ช่วยกันบูรณะขึ้นมาใหม่ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ มุงด้วย สังกะสีโดย กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๔ เมตร
- กุฏิหลังที่ ๒ ได้สร้างขึ้นโดยเป็นเสาคอนกรีตเสริมเหล็กโครงหลังมุงด้วยกระเบื้องเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ กว้าง ๗ เมตร ยาว ๙ เมตร
- กุฏิหลังที่ ๓ ได้สร้างขึ้นโดยเป็นเสาคอนกรีตเสริมเหล็กหลังคามุงด้วยกระเบื้องสร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดย กว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๐ เมตร
๓. วิหาร วิหารวัดคีรีวงกฎ เดิม สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ทำด้วยไม้ทั้งหลังมุงหลังคา ด้วยสังกะสี จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ก็ได้เกิดชำรุด ขึ้นมาใหม่ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันบูรณะขึ้นมา ใหม่จนถึง วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เห็นว่าชำรุดมากจึงได้รื้อถอนออก ต่อมาวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ จึงได้ว่าจ้างช่างสร้างขึ้นมาแทนที่ โดยเป็นเสาคอนกรีตเสริม เหล็กโครงหลังคาเหล็กมุงด้วยแผ่นเมทัลชีทแต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๔ เมตร
๔. ศาลาการเปรียญ ศาลาการเปรียญวัดคีรีวงกฎ เดิม สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๒๐ โดยสร้างขึ้น เป็นไม้หลังคามุงด้วยแฝก จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ก็ได้เกิดชำรุดทรุดโทรมขึ้นมาอีกชาวบ้านก็ ได้ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่นับตั้งแต่นั้นมาจนกระทั้ง ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ก็ได้สร้าง.ขึ้นมาใหม่แต่ก็ ยังไม่แล้วเสร็จเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกได้มีลมพายุพัดถล่มทำให้ศาลาที่กำลังสร้าง นั้นล้มลงมาอีกต่อจากนั้นทางคณะกรรมวัดก็จึงได้ว่าจ้างช่างสร้างขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จนถึงวันที่ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ก็ได้บูรณะหลังคาใหม่จากเดิมเป็นสังกะสีเปลื่ยนเป็นแผ่น เมทัลชีสกว้าง ๑๗ เมตรยาว ๒๑ เมตร
๕. ซุ้มประตู วัด สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒
๖. ห้องน้ำ ห้องสุขา สร้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑ กว้าง ๓ เมตร ยาว ๗ เมตร
๗. ศาลาธรรมสังเวช สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๕ เมตร
๘. เมรุ สร้างขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๑ กว้าง ๔ เมตร ยาว ๙ . ๕๐ เมตร